เรื่องการปฏิบัติตัวของคนท้อง ที่โบราณท่านสั่งห้ามไว้มีมากมายหลายข้อเช่นกัน แม้บางเรื่องจะดูแปลกไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันเกิดจากความหวังดี เป็นมาตรการป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดกับคนท้อง แต่ก็มีเหมือนกันที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้

การห้ามคนท้องไปยังที่ต่างๆ ก็มีการห้ามอยู่บ้าง เช่น ห้ามคนท้องไปดูเขาคลอดลูก โบราณว่าเพราะเด็กจะอายกันไม่กล้าออกมาง่ายๆ ทำให้คลอดยาก หรือ คนท้องไม่ให้ไปงานศพ ทั้งสองเรื่องหากพิจารณาดีๆ น่าจะเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันความรู้หวาดกลัวหรือสะเทือนอารมณ์ของคนท้อง แต่นอกจากนี้ยังข้อห้ามว่า คนท้องห้ามไปร่วมงานแต่งงาน ! ซึ่งเป็นข้อห้ามที่มีให้เห็นในบางพื้นที่ของภาคเหนือ และมีภาคอื่นบ้างประปราย ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก เพราะงานแต่งงานก็เป็นงานมงคล ไม่น่าจะมีอะไรน่ากลัวตรงไหน อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามให้ลึกลงไป ก็พบว่า จริงๆ ไปงานได้ เพียงแต่ห้ามไม่ให้ไปร่วมผูกข้อมือบ่าวสาว

ส่วนเหตุผลที่ยกมาก็บอกว่าเป็นเพราะ แม่ท้อง ในทางภาคเหนือเรียกว่า “แม่มาน” คือ มีท้องใหญ่ท้องมาน ไปคล้องกับคำว่า “มาร” อันแปลได้อีกอย่างว่าอุปสรรค อย่างเช่นคำว่า “มีมารมาผจญ” เป็นต้น จึงทำให้ไม่อยากให้คนท้องเข้าไปร่วมในพิธีผูกข้อมือ  แต่อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุม งานแต่งงานเป็นงานที่คนแออัด และเป็นงานรื่นเริงที่อาจจะมีคนสนุกจนเลยพอดี ซึ่งก็คงไม่เหมาะที่คนท้องจะเข้าไปในบริเวณเหล่านั้น และนี่ยังไม่นับ กรณี คนสมัยโบราณท่านแต่งงานใหม่กันได้ไม่ยาก หากว่า แฟนบ้านเดิม อุ้มท้องมางาน คงโกลาหลพิลึก นี่ก็อาจเป็นอีกสาเหตุก็ได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหจุใด การห้ามไปร่วมงานแต่งงานหรือผูกข้อมือบ่าวสาวในงานแต่งงาน เป็น ข้อห้ามคนท้อง ที่เคยมีอยู่จริง และในปัจจุบันนี้ก็ยังมีบางที่ ที่ยังถือเรื่องนี้อยู่

The post อย่าไปงานแต่ง ข้อห้ามคนท้อง ภาคเหนือสมัยก่อน appeared first on คุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องและเด็กทารก.

แต่ก็อยากจะขอให้คุณแม่อย่าได้ร้อนใจ หากรู้สึกว่านาน มันก็เป็นเรื่องดีที่เราจะได้มีเวลาเตรียมตัวให้พร้อม เชื่อว่าคุณแม่ที่พึ่งท้องครั้งแรกจำนวนไม่น้อยอยากจะทราบว่า เวลาคลอดจะเป็นอย่างไรจะทำอย่างไร ซึ่งปัจจุบันก็คงสามารถศึกษาข้อมูลได้ง่ายๆ จากการดูวีดีทัศน์ให้ความรู้ แต่ทราบหรือไม่ว่าเรื่องเหล่านี้ที่เราหาข้อมูลได้ง่ายๆ ในสมัยโบราณเป็นเรื่องที่เขาเก็บเอาเป็นความลับ ! เป็นเรื่องลึกลับสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ในเรื่องการคลอดลูก ! เพราะเขามีการสั่ง ข้อห้ามสำหรับคนท้อง เอาไว้ข้อหนึ่งว่า “ห้ามไม่ให้คนท้องไปดูคนอื่นเกิดลูกเด็ดขาด !”

เหตุผลที่คนโบราณท่านห้ามเอาไว้ที่บอกสืบๆ กันมา ในเรื่องที่ไม้ให้คนท้องไปดูคนอื่นคอดลูกนั้นท่านได้อธิบายไว้ว่า “เด็กในท้องจะอายกัน ไม่ยอมออกมา !” หมายความว่า ทำให้คนท้องที่กำลังจะคลอดนั้นคลอดยาก ! และ… บางแห่งยังบอกว่าแม้แต่คนท้องที่ไปเยี่ยมดูการคลอดนั้นก็จะพลอยคลอดยากตามไปด้วย เพราะทารกในครรภ์จะเกี่ยงกันให้อีกฝ่ายออกก่อน ! สรุปง่ายๆ ก็คือ หากคนท้องไปดูเขาคลอดลูกจะทำให้คลอดยากทั้งคู่ !

ซึ่งหากพิจารณาในมุมคนปัจจุบันก็คงไม่เห็นโอกาสในการจะเป็นจริงของเรื่องนี้ ! เพราะทารกในครรภ์คงไม่สามารถสื่อสารกันในระดับเกี่ยงกันไม่ยอมคลอดได้ ตามหลักทางการแพทย์ แต่อย่างไรก็ตาม ข้อห้ามของคนท้อง ข้อนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเหมาะสมไปเสียทีเดียว

เพราะในสมัยโบราณ การคลอดทำกันที่บ้าน และภาพอาจจะน่ากลัวอยู่สักหน่อย หากคุณแม่ตั้งครรภ์ไปดูงานแล้วเกิดกลัว มันก็ย่อมส่งผลไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นจึงสร้าง ข้อห้ามคนท้อง ข้อนี้ขึ้น เพื่อหยุดยั้งปัญหาที่จะเกิดตามมาจากความกลัวการคลอดของแม่ตั้งครรภ์ก็เป็นไปได้

The post คนท้องห้ามไปดูเขาเกิดลูก ข้อห้ามคนท้อง สมัยโบราณ appeared first on คุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องและเด็กทารก.

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็น ข้อห้ามสำหรับคนท้อง ที่บอกเล่ากันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่จะมาพร้อมพิธีการหลังคลอดที่เรียกว่าการ “อยู่ไฟ” (บางทีก็เรียกการ “อยู่เดือน”) ซึ่งมีอยู่หลายข้อมากๆ (วันหลังจะเอามาเล่าอีกครั้งในเรื่องการอยู่ไฟของคนสมัยก่อน) แต่ อย่าคิดว่าคนโบราณท่านสอนให้สกปรกนะ สมัยก่อนก็มีวิธีแก้ไขความมันและความสกปรก ด้วยการใช้แป้งมามาโรยที่ศีรษะ จากนั้นก็ขยี้ๆ ให้ทั่ว แล้วเอาแปรงขนถี่สางผมให้แป้งหลุดออก วิธีนี้สามารถลดความมันและความสกปรกได้บ้าง เนื่องจากแป้งจะจับความมันและสิ่งสกปรกให้หลุดออกไป ซึ่งก็ช่วยได้พอสมควร และในสมัยนี้ก็ยังพอมีเห็นอยู่บ้าง บางบ้านถือเรื่องไม่ให้สระผม เพราะจะทำให้คุณแม่เกิดอาการผิดสำแดง หรือ ผิดเดือน ทำให้ป่วยไข้ไม่สบาย ร่างกายไม่แข็งแรง และว่ากันว่ามีผลระยะยาวเลยทีเดียว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากมองในแง่สุขอนามัยแบบแผนปัจจุบัน การสระผมในสมัยโบราณที่หยูกยาและการแพทย์ไม่ทันสมัย ก็เป็นไปได้ว่าเป็นไปเพื่อลดความเสี่ยงในการทำให้คนที่พึ่งคลอดซึ่งมีร่างกายอ่อนแอ มีภูมิต้านทานต่ำ ไม่เจอกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ป่วยกระเซาะกระแซะ แต่หากเป็นปัจจุบันนี้ ก็เห็นคุณแม่จำนวนมาก หลังคลอดก็สระผมด้วยน้ำอุ่น จากนั้นเป่าด้วยลมร้อน รักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย ก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด ดังนั้น ข้อห้ามคนท้อง เรื่องการห้ามสระผม 1 เดือน หลังคลอด จึงอยู่ที่ความเชื่อและความเข้าใจในการรักษาสุขภาพของแต่ละคน

The post ห้ามสระผม ข้อห้ามคนท้อง ที่พึ่งคลอดลูก appeared first on คุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องและเด็กทารก.

สำหรับเรื่องนี้คุณแม่อย่าได้พึ่งตระหนกไป เราได้สืบสาวมาแล้วและพบมามีการแจ้งเตือนเรื่องการห้ามทานปลาทะเลสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ออกมาจริง ! แต่ไม่ใช่ปลาทะเลทุกชนิด มีเพียงบางชนิดเท่านั้น ได้แก่ ปลาฉลาม ปลาฉนาก ปลาแมคเคอเรล และปลาไท อย่างไรก็ตามในครั้งนี้เราเพียงอยากมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับข่าวการห้ามทานปลาทะเลที่มีคำเตือนมาจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ว่าจริงๆ แล้ว สาเหตุของการห้ามไม่ได้มาจากปัญหาของปลาแต่อย่างใด

แต่มันเป็นคำเตือนที่เกิดจากปัญหาเรื่องสารปรอท ที่มีการตรวจพบในเนื้อของปลาทะเลที่มีวงจรชีวิตยาว ทำให้เกิดการสะสมของสารปรอทในร่างกายของมันได้มาก ซึ่งแน่นอนว่าสารปรอทเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในคุณแม่ที่กำลัง ตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงควรระวังเอาไว้บ้าง อย่างไรก็ตามเราสามารถสังเกตได้ว่ามันจะเป็นปัญหาเฉพาะในปลาทะเลที่มีขนาดใหญ่บางชนิดเท่านั้น เพราะฉะนั้นสามารถรับประทานปลาอื่นได้อย่างสบายใจ ปลาทะเลยังเป็น อาหารสำหรับคนท้อง ที่มีประโยชน์อยู่

เรื่อง คนท้องไม่ควรกิน ปลาทะเล ก็สรุปได้ดังนี้เพราะฉะนั้นไม่ควรตื่นตระหนก เลือกรับประทานปลาให้เหมาะสมในปริมาณที่ไม่มากเกินไปก็เพียงพอต่อความต้องการในเรื่องสารอาหารและทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ร่างกายก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ได้เช่นเดียวกัน

The post คนท้องไม่ควรกิน ปลาทะเลจริงหรือ appeared first on คุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องและเด็กทารก.

– กลับมีคำเตือนที่ได้ยินเขาเล่าต่อกันว่าว่า จริงๆ แล้วคุณแม่ไม่ควรเลยที่จะอาบน้ำทีมีอุณหภูมิสูงแบบนี้ ! เพราะมันไม่ดีต่อการตั้งครรภ์ !! เรื่องนี้เป็นจริงแค่ไหน ? เป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรทำเมื่อมี การท้อง จริงหรือไม่ ?

– สำหรับเรื่องนี้มีการถกเถียงกันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จากข้อมูลแหล่งต่างๆ และจากประสบการณ์ของคุณแม่ตั้งครรภ์หลายๆ คน ซึ่งมีหลายครั้งที่สวนทางกัน แต่อย่างไรก็ดีเรื่องอุณหภูมิของน้ำที่สูงๆ นี้มีผลต่อทารกในครรภ์จริงๆ ! และมีผลต่อตัวของคุณแม่เองด้วย !

 
– สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณแม่อาบน้ำที่มีอุณหภูมิสูงๆ ก็คือ มันสามารถส่งผลต่อการเกิดอาการความดันสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า คนท้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอาการความดันสูงระหว่างตั้งครรภ์ได้ การอาบน้ำร้อนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เพิ่มความเสี่ยง

– นอกจากนี้ยังมีผลต่อผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้ง และเมื่อผิวแห้งคุณแม่จะเกา มันจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องริ้วรอยบทร่างกาย หรือการแตกลายของผิวหนังตามมา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ผิวหนังของคุณแม่ต้องขยายตัวเร็วมากตามขนาดของครรภ์

– อีกทั้งมันยังส่งผลต่อทารกในครรภ์อีกด้วย ในเรื่องพัฒนาการทางสมอง และการมองเห็น หากว่าเด็กต้องทนอยู่ในอุณหภูมิที่สูงนานๆ อย่าลืมว่าเด็กอยู่ในอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติอยู่แล้ว การอาบน้ำที่อุณหภูมิสูงกว่า 39 องศาเซลเซียสจะส่งผลกระทบต่อทารกได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรระวัง

 
– แต่… อาจคุณแม่หลายท่านก็อาจจะบอกว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลย อาบน้ำอุ่นตลอด แต่ลูกก็คลอดออกมาปกติ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี  แต่อย่างไรก็ตาม มันจะดีกว่าหรือไม่หากเราไม่ไปทำในเรื่องที่มันมีความเสี่ยง ?

 
– อาบน้ำร้อน แม้ไม่เข้าขั้น ข้อห้ามคนท้อง ก็จริง แต่มันก็เป็นคำเตือน ดังนั้นหากคุณแม่อยากอาบน้ำอุ่นให้สบายตัว ก็ควรอาบอย่างรวดเร็วอย่าแช่อยู่นาน หรือแม้แต่เปิดฝักบัวรดตัวด้วยน้ำอุ่นจัดๆ นานเกินไป ก็จะเป็นเรื่องดีที่สุด

The post อาบน้ำร้อน เป็น ข้อห้ามคนท้อง จริงหรือ ? appeared first on คุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องและเด็กทารก.

–  และจากคำบอกเล่าที่เคยได้ยิน มาและบางทีก็ผนวกเรื่องความเชื่อที่บอกเล่าสืบทอดกันต่อๆ มาจากสมัยโบราณเสริมเข้ามาด้วย ซึ่งแน่นอน เรื่อง คนท้องห้ามกินอะไร เป็นเรื่องที่คนสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากกังวลในเรื่องความปลอดภัยในการตั้งครรภ์ทั้งเรื่องสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ด้วย

–   ส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินการแนะนำให้เสริมสารอาหารประเภทวิตามินนั่นวิตามินนี่ให้มากๆ  แต่กลับมีกระแสบอกเล่าสืบๆ ต่อกันมาว่ามันมีวิตามินบางอย่างที่คนท้องไม่ควรรับประทานมากๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ต้องพยายามทานอย่างระมัดระวัง ซึ่งวิตามินที่ว่าดังกล่าว ในเสียงเล่าลือก็คือ วิตามินเอ ! ซึ่งว่ากันว่าการบริโภควิตามินชนิดนี้มากๆ จะทำให้ทารกในครรภ์เกิดอาการปกติและพิการได้
–   ซึ่งวิตามินเอนี้ มันก็มีมากในอาหารที่แนะนำให้ คนท้อง รับประทานเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็นใน ตับ ไข่ นม ผักตำลึง ผักคะน้า ผักโขม แครอท ฯลฯ. ซึ่งหากว่าการรับประทานวิตามินเอ เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์จริงแล้วล่ะก็ มันก็คงเป็นเรื่องยุ่งเพราะที่กล่าวมาแต่ละอย่างเป็นอาหารแนะนำให้ทานทั้งสิ้น !
–  เรื่องวิตามินเออันตรายต่อการตั้งครรภ์นี้ ไม่ได้มีมาลอยๆ ไม่ใช่ความเชื่อโบราณ แต่มันมาจากงานวิจัยเชิงระบาดวิทยา ที่มีการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England Journal of Medicine) เมื่อปี 1995 (Teratogenicity of High Vitamin A Intake. New England Journal of Medicine 1995 )

–  ที่มีการวิจัยเกี่ยวกับผลของปริมาณวิตามินเอที่คุณแม่รับประทานกับความพิการของทารก ซึ่งพบว่า คุณแม่ที่รับประทานวิตามินเอ เกินกว่าวันละ 10,000 IU ขึ้นไปจะมีอัตราการคลอดทารกที่มีความพิการมากกว่าคนทั่วไป 3.7 เท่า ซึ่งมีจำนวนตัวอย่างในการเก็บข้อมูลเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์จำนวนมากถึง 22,748 คน และพบว่ายิ่งมีการรับประทานวิตามินเอในปริมาณยิ่งสูงยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดความพิการสูงขึ้น !
–  แต่อย่างไรก็ดีนี่ยังเป็นหลักฐานในขั้นการวิจัย ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานระดับต่ำ และยังไม่ได้พิจารณาถึงตัวแปรอื่นๆ ด้วย ดังนั้นอย่าพึ่งวิตกมากเกินไปนัก พยายามรับประทานอาหารให้สมดุล และในปริมาณที่เหมาะสมและตรวจครรภ์เป็นประจำก็จะดีที่สุด
– และเราเชื่อว่าการทานอะไรที่มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารชนิดไหน ก็ควรเป็นสิ่งที่ คนท้องห้ามกิน ทั้งสิ้น เมื่อมีงานวิจัยออกมา ก็ฟังไว้บ้างก็ดี เพื่อสุขภาพของลูกน้อย
ภาพประกอบจาก : blog.buddhasherbs.com

The post คนท้องห้ามกิน วิตามินเอ มากๆ จริงหรือ ? appeared first on คุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องและเด็กทารก.

ส่วนอาหารคงเหลือแต่ข้าวต้มกับเกลือและเนื้อเค็มแห้งๆ ก็เป็นไปได้ เพราะดูๆ อะไรๆ ก็เข้าข่ายห้ามไปหมด ถ้าไม่ห้ามที่นี่ก็มีที่อื่นท้องถิ่นอื่นเขาว่าห้าม ! ดังนั้นการจะเชื่อและปฏิบัติตามก็คงต้องมีการพิจารณากันเสียก่อน ไม่งั้นข้อห้ามมันจะสร้างความลำบากและยุ่งยากให้คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก !
และไม่เพียงแต่ห้ามคนท้อง บางเรื่องยังลามไปถึงคนในครอบครัว เช่นเรื่องที่เราจะเล่าในครั้งนี้ ก็คือ เขาห้ามไม่ให้ตอกตะปู ซึ่งก็ค่อนข้างเห็นด้วยและเข้าใจเหตุผลของคนโบราณที่ห้ามไม่ให้คนท้องต้องไปทำงานที่หนัก และเสี่ยงกับของมีคมและเครื่องใช้ที่มีน้ำหนักมากและพลาดได้ง่ายอย่างค้อน แต่… ไม่แค่ห้าม แม่ท้อง ไม่ให้ทำ มันยังลามไปถึงสามีของคนที่ตั้งครรภ์อีกด้วย !
ท่านว่า หากภรรยาตั้งครรภ์สามีไม่ควรจะตอกตะปู ! เนื่องจากมันจะทำให้ภรรยาคลอดยาก เด็กจะไม่ยอดคลอดออกมา เหมือนกับตะปูที่ติดตรึงไว้ ! และในสมัยก่อน หากว่าบ้านไหนภรรยาคลอดไม่ออกสักที คุณสามีจะโดนตามตัวมาถาม ว่าได้ไปตอกตะปูไว้ที่ไหนบ้างหรือไม่ หากมีก็ให้รีบไปถอนตะปูออก ! (ถึงขั้นนั้นกันเลยทีเดียว) ซึ่งเรื่องนี้หากมองในมุมคนสมัยใหม่อาจจะดูน่าขัน เพราะมันไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันได้เลยในเรื่องการตอกตะปูของสามีกับการคลอดของภรรยา แต่หากว่าเรามองในอีกแง่

ในด้านสุขอนามัย มันเป็นไปได้ว่าเหตุที่ห้ามก็เพราะไม่อยากให้ทำในเรื่องที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งมันมีบางท้องถิ่นที่นอกจากห้ามตอกตะปู ยังห้ามไม่ให้ฝักเสาอีกด้วย ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเชื้อที่มาจากดิน และสิ่งสกปรกอย่างเชื้อบาดทะยัก เป็นได้ว่าเป็นการเลี่ยงไม่ให้เกิดการนำเชื้อนี้ (หรืออาจจะเป็นเชื้อโรคอื่นๆ ) เข้ามาในบ้านก็เป็นไปได้ อีกทั้งหากภรรยาคลอดไม่ออกสักที

คุณสามีย่อมร้อนใจ จะมีอะไรดีกว่าการหากิจกรรมให้แกออกไปทำไกลๆ ! (อย่างการไปหาตะปูที่เคยตอกไว้แล้วถอนมันออก !?) ซึ่งก็จะทำให้หมอตำแยสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น !
บางทีนี่อาจเป็นที่มาของ ข้อห้ามคนท้อง ในเรื่องนี้ก็เป็นไปได้ ซึ่งก็สุดแต่จะพิจารณากันไปว่าน่าเชื่อถือหรือไม่มากแค่ไหน และอย่างไร ?

The post ห้ามตอกตะปู ข้อห้ามคนท้อง ที่ลามไปถึงสามี appeared first on คุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องและเด็กทารก.

ในช่วงที่ตั้งครรภ์ ตั้งแต่ในช่วงแรกๆ อาการเริ่มต้นของคนท้อง ก็จะมีอาการอ่อนเพลียและง่วงเหงาหาวนอนง่าย ส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจกันว่า เราควรให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้พักผ่อนมากๆ เข้าไว้ เพื่อที่จะได้แข็งแรง
มันเป็นความจริงว่าเมื่อคนเราอ่อนเพลีย เป็นสัญญาณอาการเตือนว่าร่างกายของเราต้องการ การพักผ่อนที่มากขึ้น แต่… การนอนมากเกินไปสำหรับคนที่ตั้งท้องกลับไม่ใช่เรื่องดี !
ทั้งนี้เนื่องจากยิ่งอายุครรภ์มากน้ำหนักของร่างกายก็มากตามไปด้วย และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในส่วนท้องจะไปกดทับและเบียดเอาอวัยวะอื่นๆ ให้ทำงานได้ไม่สมบูรณ์เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบการย่อยและดูดซึมอาหาร ซึ่งในคุณแม่ตั้งครรภ์หากว่านอนอยู่ในท่าเดิมนานๆ จะเกิดอาการจุกเสียด แน่น เพราะน้ำหนักครรภ์ไปกดทับและเบียดดันการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้การย่อยอาหารไม่สะดวก เกิดแก๊สในกระเพาะและลำไส้ ทำให้ทานอาหารได้น้อยและรู้สึกอึดอัด รวมไปถึงระบบการไหลเวียนของโลหิต ซึ่งน้ำหนักของครรภ์จะไปกดทับเส้นเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดดำใหญ่ที่ส่วนล่างของร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายจะเกิดอาการบวม และหน้ามืดได้ง่าย นี่ยังไม่นับรวมถึงอาการปวดเมื่อยตามร่างกายที่เกิดจากในเวลาที่นอนมากเกินไปน้ำหนักกดทับส่วนใดส่วนหนึ่งนานๆ ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยไม่สบายตัว ดังนั้นการนอนมากๆ จึงไม่ใช่เรื่องดี
คนท้อง ควรมีการลุกเดินบ้างเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในเวลากลางวัน หากนอนมากไปจะส่งผลให้ตอนกลางคืนเกิดอาการนอนไม่หลับ ซึ่งนั่นส่งผลเสียต่อสุขภาพมาก ควรจะมีการลุกเดินไปมา เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง เพื่อให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนได้สะดวก และยังถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ดีขึ้น และการเดินยังมีส่วนช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกด้วย
ในช่วงเวลากลางวันควรมีการเปลี่ยนท่าทางและลุกเดินบ้างทุกๆ  1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายไม่ถูกน้ำหนักกดทับมากเกินไป แต่ไม่ใช่ว่าเดินไปเดินมาอยู่ทั้งวัน แบบนั้นก็ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้อีกเช่นกัน ควรขยับเป็นระยะ เดิน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นการเคลื่อนไหวออกกำลังกายบ้าง จึงจะดีต่อสุขภาพ
ดังนั้น การพักผ่อนแม้ว่ามีความจำเป็น แต่ควรเป็นการพักผ่อนนอนหลับในเวลากลางคืน ส่วนการนอนอยู่ตลอดเวลาในช่วงกลางวันนั้นถือเป็น ข้อห้ามคนท้อง ที่ไม่ควรปฏิบัติ !

The post อย่านอนมาก ข้อห้ามคนท้อง appeared first on คุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องและเด็กทารก.