เพลงกล่อมลูกในครรภ์ ส่งผลดีอย่างไรกับลูกน้อย

หากพูดถึงเพลงกล่อมเด็ก ส่วนมากเราจะคิดถึงเพลงที่เราใช้ร้องหรือเปิดเพื่อกล่อมให้เด็กเล็กๆ หรือเด็กทารกฟังแล้วนอนหลับไป ซึ่งหากเป็นในสมัยโบราณก็จะมีการแต่งเพลงกล่อมลูกเอาไว้ร้องกล่อมลูกน้อยให้หลับซึ่งเป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ว่าเพลงมีอิทธิพลกับคนเรามาตั้งแต่แบเบาะเป็นเด็กตัวเล็กๆ

และในปัจจุบันเราก็ยังได้รับคำแนะนำว่า การใช้ดนตรีขับกล่อมลูกน้อยนั้นไม่จำเป็นต้องรอจนคลอดออกมาก็ได้ เราสามารถใช้ดนตรีขับกล่อมได้ตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ ที่เรียกกันว่า เพลงสำหรับคนท้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับคำแนะนำให้ฟังเพลงแนวคลาสสิก ที่มีท่วงทำนองที่ไพเราะและสม่ำเสมอน่าฟัง
แต่อย่างไรก็ดี อาจจะมีคุณแม่หรือคุณพ่อบางท่านยังไม่ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้ดนตรีขับกล่อมลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในท้องอย่างชัดเจนนัก เราจะขอเอามาเล่าแบบย่อๆ ให้รับทราบพอเป็นแนวทาง..

 
การใช้ เพลงสำหรับเด็กในครรภ์ ควรเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุครรภ์ 5 เดือน ซึ่งประสาทการฟังของทารกเริ่มทำงานได้ดีแล้ว และในการเปิดเพลงก็ไม่ควรเปิดให้เสียงดังมากเกินไป ควรเปิดแบบพอดีๆ เอาประมาณว่าเวลาคุณแม่ฟังแล้วรู้สึกเพลินก็เป็นอันว่าพอใช้ได้ ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้เสียงดนตรีที่จะเกิดกับทารกในครรภ์ก็คือ ช่วยให้สมองของทารกพัฒนาและเชื่อมโยงสื่อสารกันได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้เนื่องจากเสียงดนตรีที่มีจังหวะและความถี่ที่เหมาะสม สามารถกระตุ้นเซลล์สมองให้ทำงานสื่อสารกัน ยิ่งจังหวะดนตรีมีความสม่ำเสมอต่อเนื่องและไพเราะแล้ว คลื่นสมองก็ยิ่งจะเป็นระบบระเบียบ ทำให้เกิดพัฒนาการทางสมองที่ดีได้

เมื่อเป็นดังนั้น ก็เชื่อได้ว่าทารกจะมีสมองที่ดี มี IQ และ EQ ในระดับที่สูงสามารถจัดลำดับความคิด และวิเคราะห์ปัญหาสิ่งต่างๆ ได้ดี (ในการวิจัยทางด้านสมองที่เกี่ยวกับเสียงดนตรีพบว่า ผู้ที่ฟังเพลงคลาสสิกสามารถทำข้อสอบทั้งแบบทดสอบความจำและแบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ได้มากกว่าคนอื่น 15%) นอกจากนี้เมื่อคุณแม่ได้ฟังเพลงและรู้สึกมีความสุขระบบการทำงานในร่างกายก็จะดีไปด้วย ทำให้ส่งผลดีต่อการดูแลครรภ์

นี่คือประโยชน์ที่เชื่อว่าทารกในครรภ์จะได้รับเมื่อคุณแม่เปิด เพลงกล่อมลูกในครรภ์ เป็นประจำ