เมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในช่วงเดือนที่ 6 คุณแม่จะพบว่าตนเองมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึงอาทิตย์ละประมาณ 500 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เร็วมากระดับหนึ่ง อาการท้องหรือผิวหนังแตกลาย อาจปรากฏขึ้นได้ ซึ่งคุณแม่ที่รักสวยรักงามหลายๆ คนก็คงเป็นกังวลและพยายามหาทางป้องกันและบรรเทาอาการท้องแตกลายนี้กันจ้าละหวั่น นอกจากนั้นอาการท้องแข็ง หรือปวดเกร็งในท้องก็เริ่มถี่มากขึ้น สาเหตุเกิดจากการหดตัวของมดลูกเป็นครั้งคราวซึ่งก็เป็นอีกเรื่องที่รบกวนคุณแม่ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นหลักก็คือ พัฒนาการของ ลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งเรียกว่ามาถึงจุดที่มีความสำคัญมากอีกช่วงหนึ่ง
โดยเฉพาะพัฒนาการทางด้านสมอง ที่ทารกในช่วงอายุ 6 เดือนนี้ เรียกว่ามีพัฒนาการทางสมองที่อยู่ในระดับเดียวกับทารกหลังคลอดเลยทีเดียว โดยที่ว่า หากมีการวัดการทำงานของคลื่นสมองของทารกในครรภ์ 6 เดือน จะพบได้ว่า การทำงานของคลื่นสมองมีสภาพไม่ต่างจากการตรวจในทารกหลังคลอด และที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ขนาดของศีรษะ ที่จะมีขนาดสัดส่วนพอๆ กับทารกหลังคลอด และการขยายขนาดของส่วนศีรษะจะลดลง ไม่เหมือนช่วงก่อนหน้าที่จะมีการพัฒนาในด้านขนาดอย่างรวดเร็ว
สิ่งเหล่านี้ทำให้ทราบว่าสมองของทารกในครรภ์ 6 เดือน สามารถทำงาน เรียนรู้ จดจำ และมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าจากภายนอกได้เองแล้ว แทบไม่ต่างจากทารกหลังคลอด ดังนั้นในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหมาะมากในการเสริมพัฒนาการทางด้านสมองของทารก ซึ่งสิ่งที่สามารถช่วยได้ในเรื่องนี้ก็คือ การพูดคุยกับทารกพร้อมๆ กับการลูบท้อง ทารกสามารถได้ยินเสียงและรับรู้ถึงการสัมผัสผ่านหน้าท้องของคุณแม่ได้ และที่แนะนำให้ทำกันอีกอย่างก็คือ การใช้ดนตรีเพื่อเสริมพัฒนาการของทารกตั้งแต่ในครรภ์ ด้วยดนตรีที่มีท่วงทำนองฟังสบายๆ อย่างเพลงคลาสสิก หรือเพลงประเภทผ่อนคลาย ที่มีงานวิจัยพบว่า มีส่วนกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของทารกให้รุดหน้าได้
ดังนั้นในช่วงนี้ อยากขอให้คุณแม่หันมาใส่ใจและสนุกไปกับการเสริมสร้างพัฒนาการให้กับ ลูกน้อยในครรภ์ 6 เดือน มากขึ้นเป็นพิเศษ พูดกับลูกเถอะ ตอนนี้เขาได้ยินเสียงและรับรู้ถึงการสื่อสารของคุณแม่ได้แล้ว
ภาพประกอบจาก : forum.hawahome.com
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น